21 กันยายน 2554

VOLKSWAGEN


VOLKSWAGEN
หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่สองรถยนต์ที่ดังและเป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุดในเมืองไทยมีอยู่สอง “ฟ” เฟียต และ “ฟ” โฟล์ก คู่หูคู่โหดที่จุดเพลิงสงครามโลกทางยุโรป สองชาตินี้คืออิตาลีและเยอรมนี ที่โหดเหี้ยมที่สุดคือเยอรมนีที่มีพ่อหนวดกระจุกเป็นผู้นำปฏิบัติการ จองเวรกับยิวฆ่าพวกตายเป็นล้าน ๆ คนอย่างที่เรียกว่า “จอมโหด” ส่วนจอมเหี้ยมที่ตะวันออกคือ เสือเตี้ยชาวซามูไรที่บุกตะลุยประเทศตะวันออกกระจุยไปตาม ๆ กันน่าแปลกที่ประเทศแพ้ สงครามคือ เยอรมนีและอิตาลีมีรถยนต์ที่ยังเหลือความนิยมอยู่ในเมืองไทยและประเทศอื่นทางภาคนี้บางประเทศ รถยนต์โฟล์กและเฟียตมีลูกค้าเมืองไทยเต็มเมืองส่วนญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นสินค้ารถยนต์หรือสินค้าอื่นเกือบทุกชนิดคนไทยไม่นิยมและไม่ชอบเอามาก ๆ สินค้า “เมดอิน เจเปน” มีแต่คนร้องยี้ว่าเป็นสินค้าปลอมลอกเลียนไปจากสินค้าประเทศอื่น ส่วน “เมด อิน ยู.เอส.เอ.” ได้รับความนิยมอย่างสูงเรียกว่า “สูงสุด” ทีเดียว ความนิยมในรถยนต์โฟล์กและเฟียตมีอยู่นานไม่กี่ปีก็ถึงยุคเสื่อม โดยมียี่ห้อเฟียตเสื่อมก่อนทั้งเรื่องเครื่องยนต์และเรื่องไฟ ส่วนโฟล์กแม้จะมีอะไรดี ๆ ทั้งเรื่องน้ำคือไม่ต้องใช้น้ำระบายความร้อนและเครื่องยนต์ แต่รูปร่างของมันที่เรียกว่า “เต๋าทอง” ที่เคยคลั่งชอบกันมาก ๆ ก็เริ่มถอยลงโดยมองจุดเครื่องยนต์อยู่ท้ายตัวรถว่าไม่มีความปลอดภัยสำหรับชีวิตในตัวรถยนต์เพียงพอ ในขณะเดียวกันผู้ใช้รถยนต์ได้หันไปมองรถยนต์ญี่ปุ่นที่กำลังมาแรงและด้วยคุณภาพที่ดีขึ้นทุกปีทุกรุ่น ด้วยเวลาเพียงทศวรรษเดียวความนิยมในรถยนต์ของโฟล์กและเฟียตที่เสื่อมลงก็ถูกรถยนต์ “เมดอิน เจแปน” เข้ามาสวมแทนที่ด้วยความขยันขันแข็งและความอดทนของชาวซามูไรที่กล้ำกลืนความอดสูในความพ่ายแพ้ในสงคราม และการมีผู้นำที่ดีคนญี่ปุ่นทั้งประเทศเริ่มบุกเบิกประเทศใหม่ มันเป็นการเริ่มต้นชีวิต ของแต่ละคน แต่ละครอบครัวและประเทศใหม่ ต่างก้มหน้าก้มตาทำแต่งานหามรุ่งหามค่ำโดยไม่คำนึงถึงเวลาและเหงื่อไคลเพื่อหาเงินตราสกุลต่างประเทศโดยเฉพาะสกุล “ดอลลาร์” เข้าประเทศให้มากที่สุดโดยไม่สนใจเงิน “เยน” ที่มีค่าถูกที่สุดในประเทศและทั่วโลกเลย และสินค้าของญี่ปุ่นที่ทำเงินจากทั่วโลกมากที่สุดก็คือสินค้ารถยนต์ แม้เวลาจะผ่านจากการพ่ายแพ้สงครามมาแล้ว 50 ปี เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเวลานี้ไปล้ำหน้าประเทศผู้ชนะสงครามหลายขุม ญี่ปุ่นมีเงินตราต่างประเทศเช่น เงินดอลลาร์และเงินมาร์กหนุนหลังเต็มคลัง แม้กระนั้นญี่ปุ่นก็ยังไม่เคยหยุดยั้งที่จะกวาดหาเอาเงินต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่คนในประเทศยังมีคนยากจนอยู่อีกจำนวนมาก ดูเอาง่าย ๆ สินค้ารถยนต์ที่ญี่ปุ่นผลิตออกมาจำหน่ายมากเป็นอันดับที่หนึ่งทั่วโลกปีละประมาณ 8 ล้านคัน แต่เชื่อหรือไม่ว่าในญี่ปุ่นคนญี่ปุ่นมีรถยนต์ใช้มากอยู่ในอับดับที่ 7 แทนที่จะมีใช้มากเป็นอันดับหนึ่ง คือคนญี่ปุ่น 4.5 คน มีรถยนต์ใช้หนึ่งคันเท่านั้น เมื่อมองดูสหรัฐที่ผลิตรถออกมามากเป็นอันดับที่สองปีละประมาณ 7 ล้านคน คิดแล้วคนสหรัฐมีรถใช้กันในอัตรา 1.9 คนต่อหนึ่งคัน ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในโลกที่คนสหรัฐใช้รถกันมาที่สุดเมื่อเป็นดังนี้ก็เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่า ญี่ปุ่นรวยเฉพาะพวกนายทุนและรัฐบาล ส่วนประชาชนคนญี่ปุ่นไม่รวย แม้จะมีเงินเดือนหรือรายได้เฉลี่ยสูงแต่ค่าใช้จ่ายความเป็นอยู่ในญี่ปุ่นก็สูงลิ่ว แม้จะประหยัดกันเต็มที่ก็ยังไม่พอยู่นั่นเองตลาดรถโฟล์กในไทยและประเทศในเอเชียรวมทั้งสนามสหรัฐเวลานี้มิได้รับความนิยมมากเหมือนก่อนเมืองเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์จะไม่เข้าขั้นในอันดับอะไรทั้งสิ้น แต่ในสนามประเทศยุโรปยังได้รับความนิยมไม่น้อย โฟล์กได้พยายามกู้ชื่อในสนามเอเชียและสนามสหรัฐ แต่ก็ไม่ได้ผลกลับคืนมาแต่อย่างใด ยิ่งในสนามสหรัฐมันคงตัวไม่เพิ่มขึ้น โฟล์กไม่ไรับความสนใจในสื่อมวลชน ทั้งนี้ดูจากหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่าง ๆ ไม่เห็นมีโฆษณาหรือเห็นน้อยบางตาเต็มที ยิ่งในโทรทัศน์ ทั้ง ๆ ที่ผมดูโทรทัศน์มากกว่าคนอื่น ๆ แต่ก็ไม่เห็นโฆษณาของโฟล์กอยู่ดี บริษัทโฟล์กสวาเกน เป็นบริษัทสร้างรถมากเป็นอันดับหนึ่งในประเทศยุโรป และเป็นอันดับที่สี่ในโลก บริษัทมีพนักงานหรือคนงาน 251,000 คน มีรายได้ปีละ 35,000 ล้านดอลลาร์ เป็นกำไร 523 ล้านดอลลาร์ เริ่มก่อตั้งปี 1937 เรื่องหุ้นหรือสต๊อกไม่เคยเห็นอยู่ในระบบหรือในลิสต์ ดูเป็นเรื่องลึกลับในสหรัฐครับ ด้วยการสนับสนุนของจอมเผด็จการ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สมัยเริ่มครองอำนาจในเยอรมนีใหม่ ๆ ทำให้รถโฟล์กได้รับความนิยมเรียกว่าเกือบทั่วโลกแต่ไม่รวมในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่มีเจ้า “เต่าทอง” ออกมาจำหน่ายในสหรัฐจนถึงปี 1990 มีเพียง 5 ล้านกว่าคัน ในปี 1970 และปีต่อ ๆ มารถโฟล์กครองสหรัฐ 7 เปอร์เซ็น จนกระทั่งถึงปี 1989 โฟล์กเหลืออยู่ในตลาดสหรัฐเพียง 2 เปอร์เซ็น ทั้งนี้เรื่องเครื่องยนต์อยู่ตอนส่วนท้ายของตัวรถยนต์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โฟล์กได้รับความนิยมน้อยลงในเรื่องความปลอดภัย มีเดียสหรัฐนับเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งเพาะมีความฉับไวในการเสนอข่าวความบกพร่องของโฟล์ก และอีกส่วนหนึ่งคือการศึกษาของคนอเมริกันที่มีสูงและให้ความไว้วางใจในการออกข่าวภาครัฐและการเสนอตามอีกของมีเดีย ไม่ว่าอะไรจะดีและเลวมันเกิดผลได้ทันทีเมื่อโฟล์กได้เสื่อมลง คนอเมริกันได้หันไปสนใจรถญี่ปุ่นมากขึ้นแทนที่ทันที รถญี่ปุ่นเริ่มได้รับความสนใจและนิยมในหมู่คนอเมริกาอย่างมากในปี 1980 เป็นต้นมา ในปี 1978 โฟล์กในมิชิแกน (โฟล์กเป็นบริษัทรถยนต์ต่างชาติบริษัทแรกที่มีโรงงานสร้างในสหรัฐ) เริ่มผลิตแบบหรือรุ่น “แรบบิตส์” ออกมาเป็นตัวแทนรุ่น “เต่าทอง” ที่เริ่มมองเห็นว่ามันจะไปไม่รอดในสนามสหรัฐแต่เจ้ากระต่ายก็มิได้ช่วยทำให้สถานการณืของโฟล์กฟื้นตัวขึ้นแต่อย่างใด ขณะนั้นโรงงานโฟล์กเกิดปัญหากับกรรมกรสร้างรถยนต์ซึ่งเป็นคนทำเกิดการฟ้องร้องกันขึ้นในเรื่องผิว ผู้ช่วยผู้จักการแผนกบุคคลคนหนึ่งฆ่าตัวตาย บางเสียงว่าถูกฆาตกรรมได้พบโน้ตข้อความจากผู้ตายว่าได้รับความกดดันจากนายจ้างไม่ให้ร่วมมือกับการฟ้องร้องของคนดำถ้าไม่ร่วมมือบริษัทจะฟ้องเขาในเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับลูกจ้างสตรีบางคน ฯลฯ พอถึงปี 1988 หลังจากมีการฟ้องร้องแล้ว 10 ปี โฟล์กตัดสินใจปิดโรงงานในมิชิแกนสิ้นสุดยุคของโฟล์กในดินแดนสหรัฐตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา ผู้ริเริ่มสร้างรถโฟล์ก “เต่าทอง” คือ นายเฟอร์ดินานด์ ฟอสซ์ (หรือที่เรียกในไทยว่า “พอสเซ่” ) ที่ต้องการสร้างรถยนต์ราคาถูกเพื่อคนจนเยอรมันจะได้มีรถใช้โดยการสนับสนุนของจอมเผด็จการฮิตเลอร์ เขาเคยเสนอแบบดีไซน์โฟล์กแก่นายจ้างเก่าคือนายเตมเลอร์ เบนซ์ เจ้าของรถเบนซ์แต่ไม่ได้รับความสนใจแต่อย่างใด

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Design Blog, Make Online Money